Wednesday, November 26, 2008

การถ่ายภาพดอกไม้ไฟ (Firework)

Photo by Natt Munsakul

เริ่มด้วยอุปกรณ์ก่อนนะครับ


1. กล้องถ่ายภาพ จะเป็นกล้องCompact หรือกล้องSLR ไม่ว่าจะฟิล์มหรือDigitalก็ตามทีสามารถใช้ได้หมดครับ เพียงแต่ถ้าเป็นกล้องCompactควรจะ


1.1 มีเกลียวสำหรับติดกับขาตั้งกล้อง(ไม่ตลก เพราะบางตัวแบบพวกแบนๆบางๆไม่มีมาจริงๆนะ) เพราะไม่งั้นไม่รู้จะถ่ายพลุด้วยมือเปล่าได้อย่างไรโดยพลุไม่สั่น (กันสั่นทั้งหลายก็ไม่ช่วยหรอกครับ งิ)

1.2 มีระบบโฟกัสที่Infinity ได้


1.3 มีระบบปรับตั้งการเปิดรับแสงเอง(Manual)และถ้ามีชัตเตอร์B(Bulb)จะดีมากๆครับ หรือถ้าไม่มี ก็ควรมีโปรแกรมรูปภาพแบบถ่ายในสภาพแสงน้อย(รูปดาว)หรือถ้ามีโปรแกรมสำหรับถ่ายภาพพลุได้ก็ง่ายขึ้นมากครับ ส่วนกล้องSLR ก็ควรต้องดูเรื่องเลนส์ด้วย แนะนำว่าเลนส์ที่ใช้ควรจะมีช่วงทางยาวโฟกัสครอบคลุมระหว่าง28-200 มม. ถ้าหากว่าเข้าใกล้ๆสถานที่จุดมากๆหรือพลุดอกใหญ่มากๆอย่างงานไซโก้ก็ควรมีเลนส์มุมกว้างไปอีกซักตัวครับงานนี้เลนส์ซูมเป็นพระเอก อย่าเอาเลนส์เดี่ยวไปเลยครับ ไม่สนุก อิอิส่วนกล้องจากโทรศัพท์มือถือ เอ่อ......


2. ขาตั้งกล้อง ขอให้เลือกที่มั่นคงสักหน่อย และขอให้มีความสูงอย่างน้อยระดับหน้าอกนะครับ เพราะเราต้องใช้เวลาในการเปิดรับแสงในแต่ละภาพค่อนข้างนาน หากขาตั้งไม่มั่นคงภาพจะไม่คมชัดนักและอาจจะสั่นทำให้พลุวิ่งไม่เรียบอีกต่างหาก อย่าเอาแบบเตี้ยๆง่อกแง่กๆ(แบบที่ร้านกล้องชอบแถม)มา เพราะไม่workด้วยประการทั้งปวงครับ


3. สายลั่นชัตเตอร์หรือรีโมทคอนโทรล เพื่อให้กล้องอยู่นิ่งที่สุดครับ สำหรับกล้องDSLRหรือกล้องcompactทั้งหลายที่ต่อสายลั่นหรือรีโมทได้ ควรจะต้องมีเป็นอย่างยิ่ง!!!


4. ผ้าดำ อันนี้จะเหมาะมากสำหรับกล้องฟิล์ม เพราะช่วยให้ถ่ายพลุได้หลายๆลูกในเฟรมเดียว แต่กับกล้องDigital ไม่ค่อยWorkครับ เพราะเป็นตัวเรียกNoise ได้เป็นอย่างดี


5. ไฟฉาย เอาไว้ส่องดูค่าการปรับตั้งกล้องได้(สำหรับกล้องฟิล์ม) หรือเอาไว้ส่องเข้าหน้าเลนส์เพื่อนเป็นการสกัดดาวรุ่งได้เช่นกัน(ถูกเตะผมไม่รับผิดชอบนะครับ แฮ่ๆ)


6. พัดลมแก้ร้อน อันนี้มีประโยชน์มากมายนะครับ ขอบอกๆๆๆๆๆๆๆๆ


Wednesday, November 19, 2008

การวัดแสง

home

การถ่ายภาพพลุนั้น ถ้าเป็นการถ่ายภาพพลุอย่างเดียวโดยไม่มีอย่างอื่นมาปะปนด้วย ให้จำไว้ว่า ขนาดของช่องรับแสงจะเป็นตัวกำหนดความสว่างและเส้นของพลุ ความไวชัตเตอร์จะเป็นตัวกำหนดความสั้นยาวของพลุ ถ้าใช้ช่องรับแสงกว้างๆ พลุที่ได้จะเส้นใหญ่ สว่าง สีซีดและไม่คมนัก แต่ถ้าใช้ช่องรับแสงแคบๆ พลุที่ได้จะเส้นเล็ก คม สีเข้มแต่ไม่สว่างเท่าไหร่

โดยทั่วๆไปแล้ว สำหรับISO 100 ให้เลือกที่5.6หรือ8ครับ จะเห็นว่าไม่ต้องวัดแสงเลย พลุมาปุ๊บกดชัตเตอร์Bปั๊บ พอพลุหมดแสงก็ปลดชัตเตอร์เท่านั้นเอง ง่ายๆ ถ้าอยากให้พลุเส้นยาวๆก็กดชัตเตอร์นานหน่อยตั้งแต่พลุดอกนั้นเริ่มยิง(เห็นเส้นลอยขึ้นไปในอากาศก่อนแตกตัว) รอจนแตกตัวหมดแล้วก็ปลดชัตเตอร์ หรือจะกดช่วงสั้นๆเพื่อให้เส้นไม่ยาวมากก็ได้ครับ ตามใจเราเลยอันนี้แต่ถ้าเราต้องการถ่ายพลุร่วมกับสถานที่ด้วย คราวนี้ต้องวัดแสงก่อนครับ ซึ่งกับกล้องDigital นี่จะง่ายมาก ก็คือคงค่าของช่องรับแสงเอาไว้ก่อน(อย่าลืมว่าขนาดของช่องรับแสงจะเป็นตัวกำหนดความสว่างและเส้นของพลุ) จากนั้นวัดแสงส่วนสว่างของภาพ แล้วดูว่าจะต้องใช้ความไวชัตเตอร์เท่าไหร่แสงของสถานที่นั้นจะพอดีแล้วจำค่านั้นไว้ครับ เช่นสมมติว่าเป็น4วินาทีที่f/5.6 เวลาพลุมาก็กดชัตเตอร์ คราวนี้เราต้องกดชัตเตอร์ตามเวลาที่เราวัดได้เมื่อครู่นะครับคือ4วินาที เราจะได้พลุที่มีความยาวของพลุพอสมควร และแสงของฉากหลังที่สว่างพอดี ไม่โอเวอร์หรืออันเดอร์จนเกินไปครับถ้าเป็นกล้องCompact ที่มีแต่โปรแกรมสำเร็จรูป ให้เลือกโปรแกรมที่เป็นแบบถ่ายภาพกลางคืน(มักจะเป็นรูปดาว)นะครับ และต้องสั่งให้ปิดแฟลชด้วย เพราะไม่ช่วยอะไรในภาพเลย และถ้ากล้องยังพอจะปิดระบบAFได้ ให้ปิดเลยครับ เพราะปกติกล้องCompactมี Timelag ค่อนข้างมากอยู่แล้ว หากให้AFทำงานอีก กว่าจะกดชัตเตอร์ลง พลุที่เล็งไว้ก็ดับไปแล้วละครับ

การตั้งค่ากล้อง

home

1. ปรับWhite balance ให้เป็นแบบ Daylight ก่อน หรือจะเปลี่ยนเป็นแบบอื่นๆก็ได้ แต่จะให้สีของพลุและสีของสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกับที่ตาเห็นนักนะครับ

2. ปรับเลนส์ไปที่ระยะInfinity(โดยมองในช่องมองให้ภาพชัดด้วยนะครับ) และปิดระบบหาโฟกัสอัตโนมัติของกล้อง เพราะคุณคงไม่อยากให้กล้องเสียเวลาไปโฟกัสพลุทุกครั้งแน่นอนใช่ไหมครับ

3. ปรับค่าISOให้อยู่ที่ค่าต่ำๆหน่อย อย่าใช้ที่ISOสูงๆหรือใช้ฟิล์มความไวแสงสูงๆครับ เพราะเกรนและนอยซ์จะมาเยี่ยมเยือนเอาง่ายๆ

4. ตั้งระบบการเปิดรับแสงไปที่Manual(ถ้ามี) ครับ

5. ถ้ากล้องที่เราใช้มีระบบNR จะเปิดไว้ก็ได้นะครับ แต่ต้องระวังนิดหนึ่งเพราะระบบNR จะเพิ่มเวลาในการเขียนไฟล์มากกว่าปกติ อาจจะเจอปัญหาเรื่องdelayเวลาถ่ายต่อเนื่องมากๆได้นะครับ ถ้ากล้องที่ใช้เป็นกล้องที่Noiseต่ำๆนี่ ปิดได้ครับ(ผมก็ปิด อิอิ)

6. ยึดกล้องเข้ากับขาตั้งกล้องให้แข็งแรงแน่นหนา และเล็งจัดระดับกล้องให้ตรง(ถ้าขาตั้งใครมีระดับน้ำได้จะวิเศษมาก) ไม่งั้นรูปที่ออกมาเส้นขอบฟ้าเอียงเท่ากันหมดทุกรูป ต้องมานั่งCropภาพกันให้วุ่นวายอีก

7.เสียบสายลั่นชัตเตอร์(ถ้ามี) หรือปรับกล้องไปที่remote control ไม่งั้นเวลาพลุมา กดรีโมทเท่าไหร่ๆก็ไม่ถ่ายซักที เอิ๊ก

การตั่งค่า

home

1. ปรับWhite balance ให้เป็นแบบ Daylight ก่อน หรือจะเปลี่ยนเป็นแบบอื่นๆก็ได้ แต่จะให้สีของพลุและสีของสภาพแวดล้อมไม่เหมือนกับที่ตาเห็นนักนะครับ

2. ปรับเลนส์ไปที่ระยะInfinity(โดยมองในช่องมองให้ภาพชัดด้วยนะครับ) และปิดระบบหาโฟกัสอัตโนมัติของกล้อง เพราะคุณคงไม่อยากให้กล้องเสียเวลาไปโฟกัสพลุทุกครั้งแน่นอนใช่ไหมครับ

3. ปรับค่าISOให้อยู่ที่ค่าต่ำๆหน่อย อย่าใช้ที่ISOสูงๆหรือใช้ฟิล์มความไวแสงสูงๆครับ เพราะเกรนและนอยซ์จะมาเยี่ยมเยือนเอาง่ายๆ

4. ตั้งระบบการเปิดรับแสงไปที่Manual(ถ้ามี) ครับ

5. ถ้ากล้องที่เราใช้มีระบบNR จะเปิดไว้ก็ได้นะครับ แต่ต้องระวังนิดหนึ่งเพราะระบบNR จะเพิ่มเวลาในการเขียนไฟล์มากกว่าปกติ อาจจะเจอปัญหาเรื่องdelayเวลาถ่ายต่อเนื่องมากๆได้นะครับ ถ้ากล้องที่ใช้เป็นกล้องที่Noiseต่ำๆนี่ ปิดได้ครับ(ผมก็ปิด อิอิ)

6. ยึดกล้องเข้ากับขาตั้งกล้องให้แข็งแรงแน่นหนา และเล็งจัดระดับกล้องให้ตรง(ถ้าขาตั้งใครมีระดับน้ำได้จะวิเศษมาก) ไม่งั้นรูปที่ออกมาเส้นขอบฟ้าเอียงเท่ากันหมดทุกรูป ต้องมานั่งCropภาพกันให้วุ่นวายอีก

7.เสียบสายลั่นชัตเตอร์(ถ้ามี) หรือปรับกล้องไปที่remote control ไม่งั้นเวลาพลุมา กดรีโมทเท่าไหร่ๆก็ไม่ถ่ายซักที เอิ๊ก

Saturday, November 15, 2008

การถ่ายพลุ


เมื่อพลุในแต่ละชุดเริ่มจุดปังแรกๆ อย่าเพิ่งถ่ายนะครับ ให้สังเกตความสูงก่อนแล้วจัดองค์ประกอบภาพให้ดี จากนั้นเมื่อเริ่มยิงต่อๆไป ก็กดชัตเตอร์ตามที่บอกไว้แล้ว นั่นคือถ้าเอาพลุล้วนๆ ความไวชัตเตอร์ก็ไม่ค่อยวิกฤตินัก แต่ถ้ามีแสงฉากหลังมาเกี่ยวด้วยก็ต้องระวังเรื่องความไวชัตเตอร์สักหน่อยนะครับ และถ้าหากพลุยิงต่อเนื่องถี่ยิบๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆในจุดเดียว(พลุทหารชอบจุดแบบนี้ ) ให้ระวังเรื่องแสงที่จะโอเวอร์เกินไปเนื่องจากความสว่างของพลุซ้ำซ้อนกันด้วยครับ

และอาจจะมีลูกเล่นได้อีกหน่อยเช่นการเปิดชัตเตอร์B ค้างเอาไว้เลย แล้วเอาผ้าดำคลุมหน้ากล้องซะ จากนั้นเมื่อพลุยิงก็เอาผ้าดำออกพอพลุหมดก็เอาผ้าดำปิด แล้วอาจจะขยับกล้องทางแนวนอนอีกนิดหรือซูมภาพเข้าออกซักหน่อย พอพลุลูกต่อมาจุดก็เปิดผ้าคลุมใหม่ รับแสง แล้วก็เอาผ้าดำคลุมเมื่อพลุหมด จะได้พลุหลากหลายตำแหน่งในเฟรมมากขึ้น แต่ก็ต้องระวังเพราะว่าเราจะมองภาพในช่องมองภาพไม่เห็นแล้วนะครับ ถ้าเขยิบกล้องมากไปหรือซูมมากไปอาจจะไม่ได้พลุ หรือเขยิบน้อยไปซูมน้อยไปอาจได้พลุซ้อนๆกันจนดูไม่รู้เรื่องก็เป็นได้ ซึ่งการทำแบบนี้กล้องฟิล์มจะได้เปรียบกว่าเนื่องจากไม่เจอปัญหาHot pixel เมื่อเปิดรับแสงนานๆๆๆๆๆอย่างกล้องDigital ครับ

สำหรับกล้องCompact ที่ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปให้ลองเรื่องอาการLagขณะที่กดชัตเตอร์ด้วยนะครับว่านานแค่ไหน จะได้กะจังหวะได้ทันตอนที่พลุเริ่มระเบิด อาจจะต้องกดเร็วกว่ากล้องslr สักหน่อยนะครัยบ อันนี้ต้องลองเองนะ และการกดชัตเตอร์ ถ้ากล้องไม่มีรีโมทให้กดแบบนุ่มนวลหน่อยนะครับ ไม่งั้นเวลาเอานิ้วออกจากชัตเตอร์กล้องจะสั่น ภาพจะสั่นไหวได้ครับ หรือถ้ากล้องสามารถเปิดชัตเตอร์Bได้ นี่ยิ่งต้องระมัดระวังให้ดี อย่ากดแรงจนกล้องสั่นหรือกดเบาจนชัตเตอร์ปิดโดยไม่ได้ตั้งใจนะครับ เพราะฉะนั้น ถ้ามีรีโมท ใช้รีโมทเถิดชื่นใจ

กล้องDigitalบางตัวและกล้องฟิล์มบางตัวสามารถถ่ายภาพซ้อนได้ ก็ลองตั้งให้ถ่ายซ้อนดูครับ จะให้ผลเหมือนกับการใช้ผ้าดำ แต่จะจัดองค์ประกอบได้ง่ายกว่าเพราะจะเล็งมุมใหม่ในช่องมองภาพได้แล้ว(สำหรับกล้องSLR)น่าจะหมดแล้ว ถ้านึกอะไรออกจะมาเพิ่มเติมให้ครับ